วิชา ศ22101 ศิลปะพื้นฐาน
ประวัติความเป็นมาของรำวงมาตรฐาน
ที่มาของรำวงมาตรฐาน
รำวง (Ramwong) เป็นการละเล่นของชาวบ้านที่ร่วมเล่นกันเพื่อความสนุกสนานและความสามัคคี แต่เดิมเรียกว่า “รำโทน” เนื่องจากใช้โทนตีประกอบจังหวะในการรำ ต่อมาเพิ่มกรับและ ฉิ่ง แต่ยังไม่มีการขับร้องประกอบในการรำ คงรำไปตามจังหวะโทนอย่างเดียว ลักษณะการรำโทนรำเป็นคู่ ๆ เดินเป็นวงกลม ใช้ท่ารำง่าย ๆ สุดแท้แต่ใครจะรำหรือทำท่าใด ไม่มีกำหนดกฎเกณฑ์ ขอเพียงแต่ย่ำเท้าให้ลงตามจังหวะโทน
ต่อมาการเล่น “รำโทน” ได้พัฒนามาเป็น “รำวง” ลักษณะการรำวง คือ มีโต๊ะตั้งกลางวง ชาย – หญิงรำเป็นคู่ ๆ เดินเป็นวงกลมอย่างมีระเบียบ แต่ยังคงยึดจังหวะโทนเป็นหลัก มีการ ขับร้องเพลงประกอบในการรำ เรียกว่า “รำวงพื้นบ้าน” การรำวงนี้นิยมเล่นในงานเทศกาล หรือเล่นกันเองด้วยความสนุกสนาน เนื้อหาสาระของเพลงรำวงพื้นเมือง นอกจากให้ความบันเทิงแล้วยังสอดแทรกอารมณ์ ความรู้ ขนบธรรมเนียมประเพณี เช่น เพลงช่อมาลี เธอรำช่างน่าดู หล่อจริงนะดารา ตามองตา ยวนยาเหล ใกล้เข้าไปอีกนิด ฯลฯ
ต่อมาในสมัยรัฐบาล จอมพล ป. พิบูลสงคราม พ.ศ. 2487 ได้มอบหมายให้กรมศิลปากร ปรับปรุงการเล่นรำวงพื้นบ้าน ให้มีระเบียบเรียบร้อย เป็นแบบฉบับอันดีงามของนาฏศิลป์ไทยและเพื่อเป็นการอนุรักษ์ศิลปะการละเล่นพื้นเมือง กรมศิลปากรจึงแต่งบทร้องและทำนองเพลงขึ้นใหม่ 4 เพลง คือ งามแสงเดือน ชาวไทย คืนเดือนหงาย และรำมาซิมารำ พร้อมทั้งปรับปรุงเครื่องดนตรีที่ใช้บรรเลงประกอบการเล่นรำวงมาเป็นวงปี่พาทย์หรือวงดนตรีสากล
บทเพลงรำวงมาตรฐานนี้ ท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม ได้แต่งบทร้องอีก 6 เพลง คือ ดวงจันทร์วันเพ็ญ ดอกไม้ของชาติ หญิงไทยใจงาม ดวงจันทร์ขวัญฟ้า ยอดชายใจหาญ และ บูชานักรบ
ผู้คิดประดิษฐ์ท่ารำประกอบเพลงรำวงทั้ง 10 เพลงนั้น คือ คณะอาจารย์ด้านนาฏศิลป์ของกรมศิลปากร ได้ช่วยกันคิดประดิษฐ์ท่ารำให้งดงามถูกต้องตามหลักนาฏศิลป์ กำหนดให้เป็นแบบมาตรฐาน ผู้คิดประดิษฐ์ท่ารำของรำวงมาตรฐาน คือ หม่อมต่วน (นางศุภลักษณ์ ภัทรนาวิก) ครูมัลลี คงประภัทร์ ครูลมุล ยมะคุปต์ และครูผัน โมรากุล ต่อมาได้มีการนำรำวงนี้ไปสลับกับวงลีลาศ ทำให้ชาวต่างประเทศรู้จักรำวง เพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้เล่นกันแพร่หลาย และมีแบบแผนอันเดียวกัน กรมศิลปากรจึงเรียกว่า “รำวงมาตรฐาน”
วิธีเล่นรำวงมาตรฐาน |
|
|
1. แสดงเป็นคู่ ชาย – หญิง จะใช้กี่คู่ก็ได้ขึ้นอยู่กับสถานที่ |
|
2. ก่อนเริ่มรำ หญิง – ชาย ทำความเคารพกันด้วยการไหว้ หรือ หญิงพนมมือไหว้ ชายโค้ง |
|
3. ก่อนรำแต่ละเพลง ดนตรีนำ 1 วรรค เพื่อให้การเดินเท้าในจังหวะแรกพร้อมเพรียงกัน |
|
4. มีความพร้อมเพรียงในการรำ ระยะคู่ไม่ห่างหรือชิดกันเกินไป |
|
5. ใช้ท่ารำตามที่กำหนดไว้ในแต่ละเพลง |
|
6. พนมมือไหว้ซึ่งกันและกัน ก่อนที่จะออกจากวงรำ |
|
|
|
ลักษณะการแต่งกายรำวงมาตรฐาน |
|
การแต่งกายรำวงมาตรฐานแต่งได้ 3 แบบ คือ |
|
1. แบบพื้นเมือง |
ชาย |
นุ่งผ้าโจงกระเบน สวมเสื้อคอกลม มีผ้าคาดเอว |
หญิง |
นุ่งผ้าโจงกระเบน ห่มสไบอัดจีบ คาดเข็มขัด |
2. แบบไทยพระราชนิยม |
|
ชาย |
สวมกางเกงขายาว ใส่เสื้อพระราชทาน (แขนยาวหรือสั้นก็ได้) สวมรองเท้า (แบบที่ 1) |
ชาย |
นุ่งผ้าโจงกระเบน ใส่เสื้อราชประแตน สวมรองเท้า ถุงเท้ายาว (แบบที่ 2) |
หญิง |
แต่งชุดไทยเรือนต้น และชุดไทยสมัยรัชกาลที่ 5 สวมรองเท้า |
|
3. แบบสากลนิยม |
ชาย |
แต่งชุดสูทสากล สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาว ผูกเนคไท สวมรองเท้า |
หญิง |
ชุดไทย |
เพลงรำวงมาตรฐานและท่ารำที่ใช้
เพลงและท่ารำที่ใช้ประกอบการเล่นรำวงมาตรฐาน ทั้ง 10 เพลง มีดังนี้
ชื่อเพลง ท่ารำที่ใช้ |
|
1. เพลงงามแสงเดือน |
ชายและหญิง ท่าสอดสร้อยมาลา |
2. เพลงชาวไทย |
ชายและหญิง ท่าชักแป้งผัดหน้า |
3. เพลงรำมาซิมารำ |
ชายและหญิง ท่ารำส่าย |
4. เพลงคืนเดือนหงาย |
ชายและหญิง ท่าสอดสร้อยมาลาแปลง |
5. เพลงดอกไม้ของชาติ |
ชายและหญิง ท่ารำยั่ว |
6. เพลงดวงจันทร์วันเพ็ญ |
ชายและหญิง ท่าแขกเต้าเข้ารัง และ ท่าผาลาเพียงไหล่ |
7. เพลงหญิงไทยใจงาม |
ชายและหญิง ท่าพรหมสี่หน้า และ ท่ายูงฟ้อนหาง |
8. เพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า |
ชายและหญิง ท่าช้างประสานงา และ ท่าจันทร์ทรงกลดแปลง |
9. เพลงยอดชายใจหาญ |
ชาย ท่าจ่อเพลิงกาฬ หญิง ท่าชะนีร่ายไม้ |
10. เพลงบูชานักรบ |
ชาย ท่าจันทร์ทรงกลด / ท่าขอแก้ว หญิง ท่าขัดจางนาง / ท่าล่อแก้ว |