นาฏยศัพท์
นาฏยศัพท์
นาฏยศัพท์ หมายถึง ศัพท์ที่ใช้เกี่ยวกับท่ารำ เป็นคำศัพท์ที่ใช้เรียกในวงการนาฏศิลป์ สามารถสื่อความหมายกันได้ทุกฝ่าย การแสดงนาฏศิลป์หรือการฟ้อนรำนั้น จะต้องเคลื่อนไหวอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายให้สอดคล้องกลมกลืนกันไม่ว่าจะเป็นศีรษะ แขน ขา มือ และเท้า ซึ่งอวัยวะแต่ละส่วนปฏิบัตินาฏยศัพท์ได้ โดยเฉพาะถ้าผู้ศึกษาหรือผู้ดูรู้นาฏยศัพท์ก็จะช่วยให้เข้าใจ และรู้จักลีลาท่ารำที่งดงามของนาฏศิลป์ เพราะผู้ที่รำได้งดงามก็คือผู้ที่ร่ายรำทำท่าทางได้ถูกลักษณะ ที่กำหนดไว้ตามนาฏยศัพท์นั้น ๆ การเรียนรู้นาฏยศัพท์จำเป็นที่จะต้องอาศัยการปฏิบัติประกอบด้วยจึงจะได้ผลดีที่สุด
นาฏยศัพท์เบื้องต้น ที่นักเรียนควรทราบ มีดังนี้
นาฏยศัพท์เกี่ยวกับมือ
1. ตั้งวง
ตั้งวงคือการยกลำแขนให้ได้ส่วนโค้งสูง ฝ่ามือแบเหยียดตรงทั้ง
1.1 วงบน ตัวพระ เป็นการตั้งวงให้ปลายนิ้วสูงระดับแง่ศีรษะ (ขมับ)
ตัวนาง เป็นการตั้งวงให้ปลายนิ้วสูงระดับหางตา
1.2 วงกลาง เป็นการตั้งวงให้ปลายนิ้วสูงระดับไหล่
1.3 วงล่าง เป็นการตั้งวงให้ปลายนิ้วอยู่ระดับสะดือ
1.4 วงหน้า เป็นการตั้งวงไปข้างหน้าให้ปลายนิ้วอยู่ระดับปาก
1.5 วงพิเศษ เป็นการตั้งวงให้ปลายนิ้วสูงระดับแก้ม
2. จีบ
จีบ คือการใช้นิ้วหัวแม่มือจรดกับข้อสุดท้ายของปลายนิ้วชี้ นิ้วที่เหลือกรีดออกให้ห่างกันให้มากที่สุด ต้องหักข้อมือเข้าหาลำแขนเสมอ จีบแบ่งออกเป็นลักษณะต่าง ๆ ดังนี้
2.1 จีบหงาย
2.2 จีบคว่ำ
2.3 จีบหลัง
2.4 จีบปรกข้าง
2.5 จีบปรกหน้า
3. ม้วนมือ
เป็นอาการของมือเนื่องมาจากจีบหงาย วิธีม้วนค่อย ๆ ปักจีบหงายลงล่าง แล้วคลายจีบเป็นตั้งวง ถ้าจะม้วนหลาย ๆ ครั้ง ให้กลับฝ่ามือเป็นจีบหงายแล้วม้วนมือขึ้นตามจังหวะ กระทำต่อเนื่อง กันไปเรื่อย ๆ
4. คลายมือ
เป็นอาการของมือที่เดิมอยู่ในลักษณะจีบคว่ำ แล้วค่อย ๆ พลิกมือให้หงายขึ้น ขณะข้อมือเริ่มหงายให้คลายจีบออกช้า ๆ จนมือแบหงายอยู่ ทำจังหวะที่ข้อมือคล้ายสลัดมือ แล้วตั้งฝ่ามือขึ้น
5. เดินมือ
เป็นการย้ายมือที่ตั้งวง หรือมือที่จีบจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง
6. หมดมือ
ผู้รำไม่ว่าจะอยู่ในท่าไหนต้องรำให้หมดมือ เช่นในท่า พรหมสี่หน้า เวลาจีบมือแล้วสอดขึ้นมานั้นมือที่จีบต้องแทงมือขึ้นให้ถึงที่หมายเสียก่อน แล้วจึงค่อยปล่อยมือที่จีบออกจากกัน ถ้าปล่อยมือออกจากกันในระหว่างที่แทงมือขึ้นมา เรียกว่ารำไม่หมดมือ
นาฏยศัพท์ที่เกี่ยวกับเท้า
1. ก้าวเท้าหน้า
คือ การวางฝ่าเท้าบนพื้นด้านหน้าเวลาก้าวเท้าลงไปนั้นต้องใช้ส้นเท้าจรดลงไปก่อน แล้วจึงเหยียบลงให้เต็มฝ่าเท้า กะส้นเท้าที่วางอยู่ข้างหน้าให้ตรงกับหัวแม่เท้าข้าง หลังห่างประมาณคืบเศษ ขณะที่ก้าวเท้าออกไปข้างหน้าต้องเปิดปลายเข่า เท้าหลังเปิดส้นเท้าให้จมูกเท้ายันพื้นไว้ แล้วย่อเข่าลง ตัวพระกันเข่า ตัวนางหนีบเข่า หลักการก้าวเท้าคือโน้มลำตัวไปทางเท้าที่ก้าว
2. จรดเท้า
เป็นอาการของเท้าข้างใดข้างหนึ่งที่วางอยู่ข้างหน้า การจรดเท้าน้ำหนักตัวจะอยู่ที่เท้า หลัง เท้าหน้าจะใช้เพียงปลายจมูกเท้า (บริเวณเนื้อโคนนิ้วเท้า) จรดพื้นแล้วยกส้นเท้าขึ้นสูงพอประมาณ ระวังไม่ให้ส้นเท้าสูงเกินไปจะทำให้ดูเหมือนเขย่งเท้า (การจรดเท้าในท่ารำใช้เพื่อยั้งจังหวะ)
3. ประเท้า
การประเท้า เป็นกิริยาของเท้าโดยเท้าหนึ่งยืนรับน้ำหนักอีกเท้ายืนเหลื่อมไว้ เปิดจมูกเท้าขึ้นพร้อมกับย่อเข่าลง ใช้จมูกเท้าตบพื้นเบา ๆ แล้วยกเท้าขึ้น เช่น การประเท้าพร้อมจะโบกในท่ารำแม่บท
4. ยกเท้า
ยกเท้า คือ การยกเท้าขึ้นไว้ข้างหน้า สืบเนื่องมาจากการประเท้า การยกเท้า ทางนาฏศิลป์จะต้องเชิดปลายเท้าให้ตึง หักข้อเท้าเข้าหาลำขา สำหรับตัวพระจะต้องกันเข่าออกไปข้าง ๆ ส่วนสูงของเท้าที่ยกอยู่ระหว่างเข่าข้างที่ยืน ตัวนางไม่ต้องกันเข่า ส่วนสูงของเท้าที่ยกอยู่ต่ำกว่าเข่าข้างที่ยืนเล็กน้อย ต้องชักส้นเท้าและเชิดปลายนิ้วทั้งตัวพระและตัวนาง
5. กระทุ้ง
กระทุ้ง เป็นอาการของเท้าที่วางอยู่ข้างหลังด้วยจมูกเท้า กระทุ้งเพื่อจะยกขึ้นแต่เป็นการยกข้างหลัง การกระทุ้งให้ใช้ส่วนของจมูกเท้าที่วางอยู่กับพื้น กระทุ้งเบา ๆ แล้วยกเท้าขึ้น นิ้วเท้า ทั้ง 5 ของเท้าที่กระทุ้งต้องอยู่ในลักษณะตึงและหักข้อเท้า
6. กระดก
กระดก เป็นอาการของการยกเท้าที่วางอยู่ข้างหลังสืบเนื่องจากการกระทุ้ง วิธีกระดกต้องยืนย่อเข่าข้างหนึ่ง แล้วถีบเข่าที่ยกไปข้างหลังมาก ๆ อย่าปล่อยให้เข่าที่ยกห้อยอยู่ใกล้เข่าข้างที่ยืน กระดกลำขาส่วนล่างขึ้นให้น่องเข้าชิดท้องขาส่วนบน หักข้อเท้าลงให้ปลายเท้าชี้ลงด้านล่าง ตัวพระกันเข่าออกข้าง ๆ ให้มาก ส่วนตัวนางเพียงแต่ดันเข่าไปข้างหลัง เรียกว่า “กระดกหลัง” ถ้าย้ายส่วนขาที่กระดกมาข้าง ๆ เรียกว่า “กระดกเสี้ยว”
7. ถอนเท้า
การถอนเท้า โดยมากมักจะมาจากการที่จะต้องรำซ้ำเท้าหรือต้องการหันไปอีกด้านหนึ่ง ลักษณะการถอนเท้า คือ การนำเท้าที่ยกมาวางหลังเท้าที่ยืนในระยะที่ติดต่อกันโดยไม่มีการประเท้า
8. ย่อขา
การย่อจะย่อขาไหนก่อนก็ได้ หรือจะย่อทีเดียวสองขาก็ได้ ตัวพระถ้าย่อสองขา ให้แยกเท้าทั้งสองห่างกันประมาณ
นาฏยศัพท์เบ็ดเตล็ด
เอียงศีรษะ
การเอียงศีรษะต้องมีความรู้สึกว่าใบหูนั้นต้องอยู่ตรงกับหัวไหล่ และต้องประคองศีรษะให้คงที่ (อย่าเอียงลงมามากเกินไป)